welcome to my blog ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกค้ะ

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

Mickey Mouse

ORIGIN Mickey Mouse (present-day)

"I only hope that we never lose sight of one thing – that it was all started by a mouse."
—Walt Disney, Disneyland; October 27, 1954

Mickey Mouse was created as a replacement for Oswald the Lucky Rabbit, an earlier cartoon character created by the Disney studio for Charles Mintz of Universal Studios. In the spring of 1928, with the series going strong, Disney asked Mintz for an increase in the budget. But Mintz instead demanded that Walt take a 20 percent budget cut, and as leverage, he reminded Disney that Universal owned the character, and revealed that he had already signed most of Disney's current employees to his new contract. Mintz owned Oswald and thought he had Disney over a barrel. Angrily, Disney refused the deal and returned to produce the final Oswald cartoons he contractually owed Mintz. Disney was dismayed at the betrayal by his staff, but determined to restart from scratch. The new Disney Studio initially consisted of animator Ub Iwerks and a loyal apprentice artist, Les Clark, who together with Wilfred Jackson were among the few who remained loyal to Walt. One lesson Disney learned from the experience was to thereafter always make sure that he owned all rights to the characters produced by his company.

In the spring of 1928, Disney asked Ub Iwerks to start drawing up new character ideas. Iwerks tried sketches of various animals, such as dogs and cats, but none of these appealed to Disney. A female cow and male horse were also rejected. They would later turn up as Clarabelle Cow and Horace Horsecollar. (A male frog, also rejected, would later show up in Iwerks' own Flip the Frog series] Walt Disney got the inspiration for Mickey Mouse from his old pet mouse he used to have on his farm. In 1925, Hugh Harman drew some sketches of mice around a photograph of Walt Disney. These inspired Ub Iwerks to create a new mouse character for Disney. "Mortimer Mouse" had been Disney's original name for the character before his wife, Lillian, convinced him
to change it, and ultimately Mickey Mouse came to be. Actor Mickey Rooney has claimed that, during his Mickey McGuire days, he met cartoonist Walt Disney at the Warner Brothers studio, and that Disney was inspired to name Mickey Mouse after him.

DESIGN
Ub Iwerks designed Mickey's body out of circles in order to make the character simple to animate. Disney employees John Hench and Marc Davis believed that this design was part of Mickey's success – it made him more dynamic and appealing to audiences. Mickey's circular design is most noticeable in his ears, which in traditional animation, always appear circular no matter which way Mickey faces. This made Mickey easily recognizable to audiences and made his ears an unofficial personal trademark. Even today, the symbol is often used by the Disney company to represent Mickey. (see Hidden Mickey) This later created a dilemma for toy creators who had to recreate a three dimensional Mickey. In animation in the 1940s Mickey's ears were animated in perspective.

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

สำนวนน่ารู้ ^^

1. An accident is due to lack of proper care. = อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นจากการขาดความระมัดระวัง
2. Don’t charge your memory with too many facts = อย่าใช้สมองจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้มากจนเกินไป
3. A mad man is not responsible for his actions. = คนบ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการกระทำของเขา
4. It’s a sad house where the hen crows louder than the cock. = สามีเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
5. Marriage is an expensive luxury. = การแต่งงานเป็นของฟุ่มเฟือยที่แสนแพง
6. Fools build house; wise men buy them. = คนโง่สร้างบ้านอยู่ คนฉลาดซื้อบ้านสร้างเสร็จอยู่
7. Keep something for a rainy day. = กินน้ำเผื่อแล้ว
8. There is no fool like an old fool. =ไม่มีใครโง่เกินคนแก่โง่
9. Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.
10. Facts are stubborn things. = ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย
11. It is a foolish sheep that makes. The wolf his confessor. = อย่าชี้โพรงให้กระรอก
12. Brave actiuons never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้
13. Good manners are part and parcel of a good education. = กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี
14. A bad workman always blames his tool. = รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
15. Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก
16. Fine features make fine birds. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
17. Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ
18. Big fish eat little fish. = ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
19. Guardianship has many responsibillitie. = การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก
20. A friend in need is a friend indeed = เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก
21. Birds of a feather flock together = คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
22. Actions speak louder than words = ทำดีกว่าพูด
23. A bird in head is worth two in the bush = สิบเบี้ยใกล้มือ
24. A rolling stone gathers no moss = รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
25. Absence makes the heart grow fonder = ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน
26. Make hay while the sun shines = น้ำขึ้นให้รีบตัก
27. He laughs best who laughs last = หัวเราะทีหลังดังกว่า
28. Listeners hear no good of themselves = นินทากาเลเหมือนเทน้ำ
29. It is never too late to mend = ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น
30. Still water runs deep = น้ำนิ่งไหลลึก
31. Good cloths open all doors. = ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
32. Overtly agree but coertly oppose = ปากว่าตาขยิบ หรือพูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง
33. Cry for the Moon = กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงหนุ่มหมายปองสาวที่มีฐานะดีกว่า
34. Apple of sodom =สวยแต่รูป จูบไม่หอม งามภายนอกแต่ใจแย่ไง
35. When misfortune reaches the limit, good fortune is at hand = ต้นร้ายปลายดี
เริ่มต้นไม่ดีแต่ไปดีเอาตอนหลัง
36. Between the devil and the deep blue sea = หนีเสือปะจรเข้
37. Be caught red-handed = จับได้คาหนังคาเขา
38. To take for a needle in a haystack = งมเข็มในมหาสมุทร
39. To eat one's cake and have it too = จับปลาสองมือ
40. To take something with a pinch of salt = ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ
41. As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
42. Cannot make head or tail of = จับต้นชนปลายไม่ถูก
43. You can not teach old dogs new tricks. = เราไม่สามารถสอนกลเม็ดใหม่ๆ ให้สุนัขแก่ได้....
หรือ ไม้แก่ดัดยากนั่นเอง...
44. Where there is a will, there is a way = ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
45. Look before you leap = จงดูให้ดีก่อนื้จะกระโดด หมายถึง คิดให้ดี รอบคอบก่อนที่จะทำอะไร
46. Prevention is better than cure = กันไว้ดีกว่าแก้
47. Do as Romans do when you are in Rome = จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรม....
หรือ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
48. Joy and sorrow are as near as today and tomorrow. = ความสุขกับความทุกข์อยู่ใกล้กันเหมือนวันนี้กับวันพรุ่งนี้
49. He who has never tasted bitterness does not know what is sweet = ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น
จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร
50. One who lives in a glasshouse should not throw stones. = เมื่ออยู่ในเรือนกระจกไม่ควรขว้างก้อนหิน
หมายถึงเมื่ออยู่ในที่ๆ เสีบเปรียบก็อย่าหาเรื่องผู้อื่น
51."Time and tide wait for no man" = เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใคร
52. Everyone thinks his own burden the heaviest. = ทุกคนมักคิดว่าภาระของตนหนักกว่าของผู้อื่นเสมอ
53. No one is too old to learn = ไม่มีใครแก่เกินเรียน
54. Reading makes a full man. = การอ่านหนังสือทำให้เป็นคนที่สมบูรณ์
55. All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ
56. Be quick to hear and slow to speak.= ฟังให้เร็ว แต่พูดให้ช้า
57. Live to learn to live. = จงอยู่เพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิต
58. Brave actions never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
59. Words once spoken cannot be altered. = คำพูดที่กล่าวไปแล้ว ย่อมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
60. Though strength fails, boldness is praiseworthy. = ถึงแม้ว่ากระทำสิ่งใดยังไม่เป็นผลสำเร็จ
แต่การที่ได้กล้าทำนั้นควรได้รับการยกย่อง
61. No one is harmed by thinking. =การไตร่ตรองยั้งคิด ไม่เคยทำอันตรายใคร
62. Order will render the work facile. = ความมีระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น
63. Every obstacle is surmountable. = อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ
64. Health is wealth. = ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
65.What can't be cured must be endured. =เมื่อสิ่งใดหมดทางที่จะแก้ไขได้แล้ว ก็ต้องยอมรับและทนในสิ่งนั้น
66. Peace begins where ambition ends. =ความสงบจะเริ่มขึ้น ณ ที่ซึ่งความเห่อเหิม ทะเยอทะยานได้สิ้นสุดลงแล้ว
67. Trial and error is the source of our knowledge. =เมื่อได้ทดลองทำสิ่งใดๆ แล้วผิดพลาด
นั่นคือข้อมูลแห่งความรู้ของเราเอง
68. Happyness belong to the contented. =บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ
69.Don't shrink any task because of its arduousness. =อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก
70.The tongue is like a sharp knife; it kills without drawing blood.= ลิ้นเหมือนมีดคม สามารถฆ่าได้โดยไม่มีเลือดตก

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ลักษณะความแตกต่างของมหายาน และ หินยาน

ลักษณะความแตกต่างของมหายาน และ หินยาน


พระพุทธศาสนาได้แบ่งนิกายใหญ่ ๆ ออกเป็น ๒ นิกาย คือ

๑. มหายาน
๒. หินยาน

ความแตกต่างของ ทั้ง ๒ นิ กาย มีดังนี้

ลักษณะมหายาน ๒๒ ประการ
๑. ชื่อนิกายในพระพุทธศาสนา ฝ่ายเหนือ
๒. มีชื่ออื่น ๆ อีก คือ อาจาริยวาท มหาสังฆิกะ อุตตรนิกาย
๓. นับถือกันในประเทศ ธิเบต จีน ณวน ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ
๔. ตั้งชื่อคำว่า “มหายาน” ขึ้นเอง
๕. มหายาน หมายถึงยานพาหนะใหญ่ หรือ ทางกว้างขวางที่จะพามนุษย์ สัตว์ข้ามพ้นห้วงทุกข์ มีความเชื่อว่า การกระทำ เช่นนั้น ไม่ใช่ของยากเย็นอะไรนัก
๖. มหายาน เกิดก่อน หินยาน
๗. มีกลุ่ม พระวัชชีบุตร เป็นหัวหน้าคราวแรก
๘. ทั้งพระธรรม-พระวินัย มีการเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิประเทศ เหตุการณ์ เวลาอันเหมาะสม เพื่อให้คงอยู่ในที่ทุกแห่งได้
๙. ยิ่งนานยิ่งวิจิตรพิสดารขึ้นทุกที เป็นต้นว่าพระจีนนุ่งกางเกง ใส่เสื้อเหลือง พระญี่ปุ่นฉันข้าวเย็น และมีภรรยาได้
๑๐. ใช้ภาษาอริยะหรือภาษาสันสกฤตเผยแผ่ธรรม
๑๑. ถ้อยคำจากพระไตรปิฎกมักนำไปจารึกไว้ในแผ่นทอง
๑๒. พยายามชักชวนให้คนนับถือเลื่อมใสให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
๑๓. ชอบประดิษฐ์หลักการต่าง ๆ ที่เห็นว่าคนชอบมาใส่มาปนกันมาก
๑๔. ไม่หวังพึ่งบ้านเมือง ถือเป็นของประชาชนทั่วไป
๑๕. มีพระพุทธเจ้าอุบัติมากมาย
๑๖. มุ่งความคิดหรือลัทธิ ลัทธิใหม่อาจเกิดขึ้นได้พร้อมกับมีนักปราชญ์ขึ้นใหม่บางลัทธิเข้าใจยาก แต่ยิ่งเข้าใจยาก ถือว่า เป็นธรรมะชั้นสูง
๑๗. การนิพพานของพระพุทธเจ้าไม่สูญ แต่ทรงไปอยู่เบื้องสูง
๑๘. การได้อรหันตผล ถือเป็นการหาความสุขเอาตัวรอดผู้เดียว ไม่ช่วยชาวโลกและสัตว์โลก
๑๙. พยายามสร้างแดนสวรรค์ แต่เรียกชื่อใหญ่ว่า แดนสุขาวดี
๒๐. มุ่งให้ได้ตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์เพื่อจะได้สั่งสอนธรรม โดยขอไม่ไปนิพพาน
๒๑. พระอัครสาวกเบื้องขวา คือ พระโกญทัญญะ พระอัคร สาวกเบื้องซ้าย คือ พระอานนท์
๒๒. ถือพระธรรม เป็นใหญ่กว่า พระวินัย เพราะพระเจ้า ตรัสรู้พระธรรม


ลักษณะหินยาน ๒๒ ประการ
๑. ถือนิกายพระพุทธศาสนาฝ่ายใต้
๒. หินยานมีชื่ออื่น ๆ อีก คือ เถรวาท, สถวีระ, ทักษิณนิกาย
๓. นับถือกันมากในประเทศไทย ศรีลังกา พม่า มอญ ลาว เขมรฯลฯ
๔. คำว่า “หินยาน” เป็นชื่อที่มหายานตั้งให้ เพื่อให้แตกต่างกว่าพวกตน
๕. หินยาน มิได้แปลว่า เลวทรามต่ำเช้า แต่หมายถึง ยานอันน้อยไม่สามารถที่จะพาสัตว์ทั้งหลายข้ามพ้นห้วงแห่งทุกข์นั้น มิใช่เป็นของง่าย
๖. การตั้งชื่อ “หินยาน” หลังจากมี “มหายาน” แล้ว
๗. มีพระยสะเถระเป็นหัวหน้าในคราวแรก
๘. นับถือพระพุทธโอวาทโดยไม่มีการแก้ไข เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอันมีมาแต่เดิม ถือเป็นหลักปฎิบัติ
๙. ยิ่งเวลาล่วง ๆ ไป ความวิเศษในพระธรรมยิ่งแจ่มแจ้งขึ้น
๑๐. ใช้ภาษามคธ หรือ ภาษาบาลี เผยแผ่ธรรมะ
๑๑. ถ้อยคำในพระไตรปิฎก นิยมเขียนลงในใบลาน
๑๒. การชักชวนให้มีความเลื่อมใส ได้มุ่งคุณภาพมากว่าปริมาณ คือ ต้องการคนเลื่อมใสจริง ๆ (เข้ามาบวชเป็นพระ)
๑๓. ไม่ยอมรับหลักการของศาสนาอื่น ๆ เข้ามาผสม เพื่อเอาใจผู้มุ่ง มานับถือ
๑๔. ได้รับความอุปการะจากบ้านเมืองและประมุขของประเทศนั้น
๑๕. นับถือพระพุทธเจ้า ถือว่ามีไม่มากองค์นัก
๑๖. พระธรรมคำสั่งสอนสำคัญมาก ผู้ที่จะมีชื่อนั้นต้องพยายามนำ หลักธรรมมาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ
๑๗. นิพพาน เป็นการข้ามพ้นสงสารวัฏ ดับสูญสนิจหมด
๑๘. การได้โพธิญาณ หรือ อรหัตผลเป็นความวิเศษ
๑๙. ไม่พยายามกล่าวถึงสวรรค์ เพื่อใช้เป็นเครื่องล่อ
๒๐. มุ่งนิพพานเป็นจุดสุดยอด
๒๑. มีพระอัครสาวกเบื้องขวา พระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องซ้าย พระโมคคัลลานะ
๒๒. ถือความสำคัญใน พระธรรม-พระวินัย เป็นของคู่กัน ไม่ยิ่ง หย่อนกว่ากัน


--------------------------------------------------------------------------------

พุทธศาสนาที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่ทั่วโลกขณะนี้ แบ่งออกได้เป็น 2 นิกายใหญ่ๆ คือ

นิกายเถรวาทหรือหินยาน คือพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมที่ยังคงใช้แนวทางนี้อยู่ในประเทศศรีลังกา พม่า ลาว เขมร และไทย เป็นต้น ตามนิกายนี้ถือเอา อรหันต์มรรคเป็นหลัก

นิกายมหายานหรืออาจาริยวาท เป็นนิกายที่ประพฤติปฏิบัติกันอยู่ในประเทศธิเบต มงโกเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น ใต้หวัน ฮ่องกง และจีน เป็น นิกายนี้ถือเอาพระโพธิสัตว์มรรค์เป็นหลัก

สำหรับสาเหตุที่ทำให้แยกเป็นสองนิกายนั้นมาจากเหตุเล็กน้อยสองประการคือ การประพฤติปฏิบัติไม่ตรงกันในเรื่องบทสิกขาเล็กๆ น้อย ในส่วนที่เรียกว่า ศีลสามัญญตา อีกประการหนึ่งคือ จากการที่ต่างฝ่ายต่างเห็นไม่ตรงกัน อันเป็นทิฆฐิสามัญญตา ก็เลยเป็นเหตุให้แยกออกจากกัน

ในความเป็นจริงอุดมการและการประพฤติปฏิบัติไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก เมื่อมีการเผยแพร่ไปในประเทศต่างๆ มีการปรับปรุงการดำเนินชีวิตและการประพฤติปฏิบัติให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติและสังคมประเพณีของประเทศนั้นๆ เช่นการนุ่งห่ม การขบฉัน และยิ่งเมื่อมีการแตกย่อยเป็นนิกายอื่นอีก ข้อปฏิบัติต่างๆ ก็อาจแตกต่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะนิกายมหายาน ที่ประกาศตนเป็นมหายานประมาณพุทธศตวรรษที่ 7-8

ความจริงแล้วหลักธรรมของพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นของนิกายใดก็ตรงกันทุกฝ่าย ที่มุ่งไปที่ความหลุดพ้น ข้อที่เราเห็นว่าแตกต่างนั้นไม่ได้อยู่ที่หลักธรรม แต่อยู่ที่หลักในการประพฤติปฏิบัติ หรือวิธีการประพฤติให้ถึงความหลุดพ้น ทางฝ่ายเถรวาทนั้นถือว่าบุคคลควรทำตนให้หลุดพ้นให้บริสุทธิ์ก่อนบรรลุหลัก ธรรมโดยปราศจากอาสวะเสียก่อน แล้วจึงทำตนให้เป็นแบบอย่างและเป็นครูผู้สอนผู้อื่น ส่วนฝ่ายมหายานไม่ได้ปฏิเสธหลักการดังกล่าว แต่ก่อนที่จะบำเพ็ญตนให้หลุดพ้นไปก่อนแต่ผู้เดียว ทางมหายานเสนอว่าควรจะได้มีโอกาสบำเพ็ญให้ประโยชน์แก่ผู้อื่นไปพร้อมๆ กันด้วย

MY MOM



• 8 มีนาคม = บัลแกเรีย, แอลเบเนีย
• อาทิตย์ที่สี่ในฤดูถือบวชเล็นท์ = สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ (มาเทอริง ซันเดย์)
• 21 มีนาคม = จอร์แดน, ซีเรีย, เลบานอน, อียิปต์ (วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ)
• อาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม = โปรตุเกส, ลิทัวเนีย, สเปน, แอฟริกาใต้, ฮังการี
• 8 พฤษภาคม = เกาหลีใต้ (วันผู้ปกครอง)
• 10 พฤษภาคม = กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ประเทศส่วนใหญ่ใน ทวีปอเมริกาใต้, บาห์เรน, ปากีสถาน, มาเลเซีย, เม็กซิโก,
สหรัฐอาหรับเอ มิเรตส์, อินเดีย, โอมาน
• อาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม = แคนาดา, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) สาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี,
นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์, บราซิล, เบลเยียม, เปรู ฟินแลนด์, มอลตา, เยอรมนี, ลัตเวีย, สโลวาเกีย, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย,
อิตาลี, เอสโตเนีย, ฮ่องกง
• 26 พฤษภาคม = โปแลนด์
• 27 พฤษภาคม = โบลิเวีย
• อาทิตย์ที่สุดท้ายของ = สาธารณรัฐโดมินิกัน, สวีเดน
เดือนพฤษภาคม
• อาทิตย์แรกของเดือนมิถุนายน = ฝรั่งเศส
หรือ อาทิตย์ที่สุดท้ายของ
เดือนพฤษภาคม
• 12 สิงหาคม = ไทย
(วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ)
• 15 สิงหาคม (วันอัสสัมชัญ) = คอสตาริกา, แอนท์เวิร์ป (เบลเยียม)
• อาทิตย์ที่สองหรือสามของ = อาร์เจนตินา (Día de la Madre)
เดือนตุลาคม
• 28 พฤศจิกายน = รัสเซีย
• 8 ธันวาคม = ปานามา
• 22 ธันวาคม = อินโดนีเซีย