welcome to my blog ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกค้ะ

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เรื่องดีดี ไม่จำเป็นต้องยาว ...

... แม่ผู้แก่เฒ่าเดินไม่ได้คนหนึ่ง เป็นที่รำคาญใจของลูกชายเหลือเกิน สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม
... ระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ ไม่ถามไม่ว่าอะไร ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทาง เรื่อยไป เข้าป่าลึก ไกลมากแล้ว ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหิน แล้วหันหลังเดินกลับทางเดิมไป
... ตอนนี้เอง ที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า
... "ลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะจะได้ไม่หลงทาง.

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อันตรายจากน้ำอัดลม

คุณแม่ยังสาวคนหนึ่งเสียชิวิตเนื่องจากไตวายทั้งสองข้าง เธอได้รับการรักษาที่รพ.เพอร์ทามิน่าเป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยได้รับอนุญาตให้กินได้แค่นํ้า 1 แก้วในหนึ่งวันเท่านั้น หมอให้การรักษาเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว เธอเล่าว่าเธอดื่มนํ้าอัดลมตอนทานอาหารกลางวันทุกวัน แต่แม้ว่าเธอจะดื่มนํ้าอัดลมเพียงวันละ 1 แก้ว มันก็สามารถทำลายอวัยวะภายในของเธอได้ ท้ายที่สุดเธอเสียชีวิตลงเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว โดยทิ้งบุตรชายวัย 1 ขวบไว้ นํ้าอัดลมอันตราย!!!

หัวข้อนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ" โค้ก" ซึ่งน่าสนใจมาก สำหรับผู้ที่ชอบดื่มโค้กหรือเป๊ปซี่ซึ่งคิดว่าคุณรู้เรื่องเกี่ยวกับนํ้าอัดลมดีแล้ว นํ้าอัดลมสามารถ....

.........ทำความสะอาดห้องนํ้าโดยการรินโค้กลงในโถชักโครก ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วจึงกดชักโครก กรดซิติกในโค้กจะขจัดคราบสกปรกได้อย่างดี
.........ใช้ขัดจุดสนิมบนกันชนรถโดยการขัดกันชนด้วยแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ขยําเป็นชิ้นเล็ก ๆและจุ่มโค้ก ใช้ทำความสะอาดรอยกัดกร่อนบนสายแบตเตอรี่รถโดยการรินโค้กให้ทั่วสายแบต ฟองที่เกิดขึ้นจะช่วยขจัดรอยดังกล่าวได้ ช่วยทำให้รอยสนิมบนผ้าจางลงโดยการจุ่มผ้าในโค้กประมาณ 2-3 นาที
.........ช่วยอบแฮมที่ชื้นได้ โดยการเทโค้ก 1 กระป๋องลงในกระทะซึ่งตั้งไฟไว้แล้วใส่แฮมที่ห่อด้วย อลูมิเนียมฟอยล์ลงไป แกะฟอยล์ออก 30 นาทีก่อนแฮมสุก และผสมแฮมกับโค้กจะได้นํ้าเกรวี่สีนํ้าตาล ช่วยขจัดรอยฝังแน่นจากผ้าโดยการเทโค้ก 1 กระป๋องลงบนผ้าสกปรก เติมนํ้ายาซักผ้าและซักตามปกติ โค้กจะช่วยทำให้คราบฝังแน่นจางลง
.........และยังช่วยทำความสะอาดรอยนํ้าซึ่งกระเด็นจากถนนบนกระจกรถได้อีกด้วย แล้วเราก็ดื่มสิ่งนี้ลงไป!!! ข้อมูลเกี่ยวกับโค้กและเป๊ปซี่ นํ้าอัดลม เช่น โค้ก หรือ เป๊ปซี่มีค่ากรดด่างเท่ากับ 3.4 โดยประมาณซึ่งค่าความเป็นกรดนี้สามารถกัดกร่อนฟันและกระดูกได้
............ร่างกายคนเราจะหยุดสร้างกระดูก เมื่อเรามีอายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นกระดูกจะกร่อนลงประมาณ 8-18% ในแต่ละปี โดยขึ้นอยู่กับความเป็นกรดของอาหารซึ่งบริโภคเข้าไป(ค่าความเป็นกรดไม่ได้ขึ้ นกับรสชาติของอาหาร แต่ขึ้นกับค่าของธาตุโปแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม เช่นฟอสฟอรัส เป็นต้น) และจะถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ส่วนประกอบของแคลเซียมซึ่งมีศักยภาพในการกัดกร่อนกระดูกจะไหลเวียนอยู่ในเส้น เลือดฝอย เส้นเลือดใหญ่เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของตับ
............นํ้าอัดลมไม่มีคุณค่าทางโภชนาการแต่อย่างใด (ในแง่ของวิตามิน และแร่ธาตุ) แต่จะมีส่วนผสมของนํ้าตาล มีกรดสูงมาก และมีสารปรุงแต่งจำพวก วัตถุกันเสียและสีมากกว่า บางคนชอบดื่มนํ้าอัดลมเย็นๆหลังทานอาหารแต่ละมื้อ ลองเดาสิว่าคนเหล่านั้นได้รับผลกระทบอะไรบ้าง
............ร่างกายของคนเราขณะย่อยอาหารจะมีอุณหภูมิ 37 องศา แต่นํ้าอัดลมเย็นๆ ที่ดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิตํ่ากว่า 37 องศามาก และมีอุณหภูมิเกือบจะ 0 องศาในบางครั้ง กรณีเช่นนี้ทำให้ประสิทธิภาพในการย่อยอาหารของร่างกาย ตํ่าลง การย่อยอาหารทำได้ยากขึ้นและย่อยอาหารได้น้อยลง ในความเป็นจริงแล้ว อาหารในร่างกายจะเสียและส่งแก๊สซึ่งมีกลิ่นเหม็นออกมา อาหารจะเน่าเปื่อย และทำให้เกิดสารพิษซึ่งจะถูกดูดซึมในลำไส้และจะไหลเวียนในระบบเลือดไปทั่วร่างก าย สารพิษซึ่งแพร่ออกไปทั่วร่างกายนี้จะส่งผลให้เชื้อโรคต่างๆเจริญเติบโตได้ดีขึ้น คิดให้ดีก่อนที่คุณ จะดื่มโค้ก เป๊ปซี่ หรือนํ้าอัดลมประเภทอื่น
...........คุณเคยคิดเวลาคุณดื่มนํ้าอัดลมหรือไม่ว่าคุณดื่มอะไรเข้าไป คุณกำลังกลืนสารคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีใครในโลกจะแนะนำให้คุณดื่ม สองเดือนต่อมา D2 มีการแข่งขันในมหาวิทยาลัย เดลีว่า "ใครดื่มโค้กได้มากที่สุด" ผู้ชนะดื่มโค้กเข้าไป 8 ขวด และเสียชีวิตทันทีเพราะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด มากเกินไป และมีก๊าซออกซิเจนในเลือดไม่เพียงพอ
...........หลังจากนั้น ผู้อำนวยการจึงสั่งห้ามขายนํ้าอัดลมในห้องอาหารของมหาวิทยาลัยอีก มีคนใส่ฟันซึ่งหลุดแล้วลงไปในขวดเป๊ปซี่ และมันถูกกัดกร่อนในเวลา 10 วัน ฟันและกระดูกเป็นอวัยวะในร่างกายเพียงอย่างเดียวซึ่งสามารถคงอยู่ได้ อีกหลายปีหลังจากที่มนุษย์เสียชีวิตลง ลองคิดดูสิว่านํ้าอัดลมจะมีผลอย่างไรต่อลำไส้อ่อนๆ และกระเพาะอาหารของเรา


...........ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
...........บริษัทขายน้ำโค้ก ใช้น้ำโค้กทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรถ truck มานานประมาณ 20 ปีแล้ว ท่านยังอยากดื่ม โค้ก หรือดื่มน้ำกัน เลือกเอาเอง
...........เวลาขนย้ายน้ำโค้กเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถ truck จะต้องติดป้ายไว้ว่า "มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย"

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีเพิ่มความฉลาดลดความขี้ลืม

1.บริหารสมองอยู่เสมอ ยิ่งเราใช้สมองมาก และบ่อยเท่าไหร่ เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย ส่วนวิธีบริหารสมองนั้น ก็สามารถทำได้หลายอย่าง เช่น การเล่นหมากฮอส ต่อจิ๊กซอว์ หรือ เล่นครอสเวิร์ด ในเวลาว่าง
2.กินยาเสริมความจำ มีผลการวิจัยยืนยันว่า หลังจากการกินโสมในปริมาณ 400 มิลลิกรัมไปแล้ว 1 ชั่วโมง จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้น และส่งผลต่อไปอีกถึง 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันว่า แปะก๊วย ก็เป็นอีกสิ่ง ที่ส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง
ส่วนการศึกษาในอเมริกาพบว่า Vinpocetine ที่สกัดได้จากต้น Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ที่มีดอกสีฟ้า ใบเข้มเป็นมัน) นั้น จะช่วยเพิ่มความจำ และความจดจ่อ ในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้นได้
3.กินผักและผลไม้สด เป็นที่ทราบกันดีว่า ผัก และผลไม้สดนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายเรามาก ซึ่งก็รวมถึงประโยชน์ต่อความจำของเราด้วย เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผัก และผลไม้สดนั้น มีประสิทธิภาพในการทำลายอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากการสะสมเป็นเวลานานของเนื้อเยื่อไขมัน อันจะทำให้สมองอ่อนแอลง และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ ซึ่งผักและผลไม้สด ที่มีสรรพคุณดังกล่าว ก็คือ ผัก ผลไม้ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ ต่างๆ ซึ่งจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า Anthocyanidin อยู่มาก นอกจากนี้ ยังรวมถึง แอปเปิ้ลแดง องุ่นม่วง องุ่นแดง มะเขือเทศ หอมแดง กะหล่ำม่วง มะเขือม่วง ลูกหว้า ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดง ถั่วดำ มันเทศสีม่วง พริกแดง และ เชอร์รี่ ด้วย
4.ลดปริมาณแอลกอฮอล์ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อตับ และลดความสามารถในการขับขี่ลงแล้ว แอลกอฮอล์ ยังส่งผลต่อการปลดปล่อยสารสำคัญในสมอง โดยจะไปขัดขวางความสามารถ ในการสร้างความจำใหม่ ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ ตัวเลข และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ หรือเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย ดังนั้น หากลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ลง สมองก็จะสาออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว
5. การออกกำลังกายยังมีส่วนดีต่อระบบสมองอีกด้วย โดยขณะที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหวนั้น สมองจะได้รับเลือดมากเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า สมองจะได้รับกลูโคส และออกซิเจนมากขึ้น ทำให้สมองแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ การออกกำลังกาย ยังไปเพิ่มประสิทธิภาพ ในการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมอง ที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป กลับไม่เกิดประโยชน์ต่อระบบความจำมารถสร้างความจำใหม่ๆ ขึ้นมาได้
6.จดบันทึกช่วยจำ เพราะโดยธรรมชาติของสมองเรานั้น เมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ตรงหน้า ความสามารถในการจดจำสิ่งอื่น ก็จะลดลง ฉะนั้น การย้ายข้อมูลจากสมอง มาเก็บไว้ในสมุดบันทึก อย่าง คอมพิวเตอร์ ปาล์ม หรือ โทรศัพท์มือถือ ก็เหมือน เป็นการช่วยลดความหนาแน่นของข้อมูล หรือเพิ่มพื้นที่ว่างในสมอง เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
7.ทำสมาธิ สมองของคนเรานั้น ทำงานที่ความถี่ หรือคลื่นสมอง ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำ หรือคิดอยู่ ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้น คลื่นเบต้าของสมอง จะทำงานเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สมอง ลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นเราควรคิดให้ช้าลง โดยการทำสมาธิ หลับตาลงช้าๆ หายใจเข้าเบาๆ ช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ปลายจมูก จากนั้นหายใจออกช้าๆ โดยตั้งสติ อยู่ที่ช่องจมูกทางขวา จากนั้น หายใจเข้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เวลาผ่อนลมหายใจออก ให้ตั้งสติ ที่ช่องจมูกทางซ้าย ทำเช่นนี้สลับกัน ประมาณ 10 นาที ทุกวันรับรองว่าสมองตื้อๆ ตันๆ จะกลับมาโล่ง โปร่งใสเหมือนเดิม

เตือนภัย ตู้แอร์ในรถยนต์ ตัวปล่อยเชื้อโรคเคลื่อนที่

ตู้แอร์รถยนต์ ไม่เพียงแค่เป็นแหล่งรวมของฝุ่นละออง แต่ยังเป็นที่อยู่ของเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หลายชนิด ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณและครอบครัว เพื่อสุขภาพอนามัย เราจึงควรล้างตู้แอร์ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และนี่คือ 4 เรื่องที่คุณไม่รู้ ที่ควรอ่าน
ฝุ่น จากภายนอกรถจะเข้ามาในระบบแอร์ทุกครั้งที่เปิดแอร์ เมื่อฝุ่นละอองมาเกาะอยู่ตามแผงคอยล์เย็นในตู้แอร์ ทุกครั้งที่เปิดแอร์ ลมแอร์ก็จะพัดเอาฝุ่นเล็กๆ เข้ามาในตัวรถ ยิ่งนั่งอยู่ในรถนาน ก็ยิ่งสูดฝุ่นเข้าไปในร่างกาย สะสมไปเรื่อยๆ นานวันก็จะกลายเป็นสาเหตุของปัญหาโรคภูมิแพ้ โรคเยื่อบุในระบบทางเดินหายใจ
ซากแมลงที่เน่าเปื่อยตายอยู่ในตู้แอร์ เป็นสิ่งที่พบได้เสมอ และนับเป็นอันตรายที่มองไม่เห็นและส่งผลต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง นอกจากคุณจะสูดฝุ่นละอองเข้าไป คุณยังสูดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย นั่นทำให้ร่างกายรับสารและก่อให้เกิดโรคแปลกๆ ที่ไม่คาดคิดมากมาย โดยเฉพาะโรคจากการติดเชื้อในปอด และอวัยวะภายในร่างกาย
เครื่องฟอกกาศส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหลัง แต่ตัวคุณขับรถอยู่ด้านหน้า ลมแอร์ที่เป่าออกมา จึงเหมือนส่งตรงเข้าจมูก ปอด ให้สูดก่อนที่เครื่องฟอกอากาศจะฟอกอากาศ ในขณะที่การหาซื้อเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีมาติดตั้งต้องใช้เงินมากกว่ามาก ดังนั้นการกำจัดที่สาเหตุ ด้วยการล้างตู้แอร์จึงเป็นทางหลีกเลี่ยงโรคภัยที่ดี และประหยัดกว่า
หนึ่งในการล้างตู้แอร์ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองดดยองค์การอาหารและยา คือการนำตู้แอร์มาทำความสะอาดผ่านการล้างน้ำยาด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถแวะทำความสะอาดได้กับศูนย์บริการใกล้บ้านแอร์ในบ้าน...เครื่องปล่อยสาระพัดเชื้อร้าย 24 ชั่วโมง

วิธีขจัดกลิ่นในบ้าน

กลิ่นบุหรี่ในห้อง
เปิดหน้าต่างให้โล่ง ใช้สำลีชุบแอมโมเนีย หรือน้ำส้มสายชูวางทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในห้อง หรือจะจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องเพื่อดับกลิ่น

กลิ่นในห้องน้ำ
จุดเทียนไขไว้ในจานเชิง จากนั้นดับให้สนิท ยกไปวางไว้ในห้องน้ำ ปิดประตูทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก่อนจะเปิดประตูเพื่อระบายอากาศ กลิ่นไม่พึงประสงค์จะหมดไป

กลิ่นสีทาบ้าน
ผ่าครึ่งหอมหัวใหญ่ตามยาว แล้วนำไปวางตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน หอมหัวใหญ่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น จะดูดกลิ่นฉุนของสีทาบ้านให้เบาบางลงได้
กลิ่นอาหารในครัว ห้องครัวที่ทำอาหารเป็นประจำมักจะมีกลิ่นฉุน สามารถลดกลิ่นได้ โดยใช้ผงกาแฟโปรยลงบนเตา พอให้เกิดควัน จากนั้นปิดประตูห้องครัวไว้ราว 5 นาที แล้วจึงเปิดประตูตามปกติ กลิ่นจะจางลง ถ้าไม่มีกาแฟ ให้ใช้เกลือป่นหรือผงถ่านละเอียด โรยตามบริเวณที่มีกลิ่นก็ได้