welcome to my blog ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกค้ะ

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ทานฟาสต์ฟู้ดบ่อยเกินไป อาจทำให้คะแนนสอบต่ำลง


การทานอาหารฟาสต์ฟู้ดมากเกินไปไม่เพียงแค่ทำให้น้ำหนักตัวมากเกินไปเสียแล้ว
แต่ยังทำให้ผลคะแนนสอบต่ำลงด้วย จากงานวิจัยของคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัย
แวนเดอบิลท์ ที่รัฐเทนเนสซี ที่ทำการศึกษากับนักเรียนชั้นประถมศึกษาจำนวน
5,500 คน โดยการติดตามพฤติกรรมการกินของเด็กนักเรียน อายุ 10-11 ขวบ
แล้วเปรียบเทียบกับผลการทดสอบวิชาการอ่าน และวิชาคณิตศาสตร์

ในภาพรวมเด็กนักเรียนจะทำคะแนนในการทดสอบได้ระหว่าง 58-181 คะแนน
ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 141.5 คะแนน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนครั้งที่ทานฟาสต์ฟู้ด
พบว่า นักเรียนเกินกว่าครึ่งที่ทานฟาสต์ฟู้ดมากกว่า 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ก่อนสอบ
ได้คะแนนสอบต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ดังนี้

คนที่ทาน 4-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำคะแนนสอบได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 7 คะแนน, คนที่ทาน 1 ครั้งต่อวัน ทำคะแนนสอบได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 16 คะแนน และคนที่ทาน
3 ครั้งต่อวัน ทำคะแนนสอบต่ำลงถึง 19 คะแนน จากงานวิจัยครั้งนี้จึงสรุปได้ว่า
การทานฟาสต์ฟู้ดที่บ่อยมากขึ้นนั้น มีความสัมพันธ์กับการที่คะแนนสอบต่ำลง

แม้ว่างานวิจัยนี้จะไม่ได้วิจัยถึงผลกระทบต่อสมองโดยตรง เพียงแต่วัดจากคะแนน
ทำสอบ และความบ่อยในการทานฟาสต์ฟู้ดเท่านั้น แต่เพื่อความไม่ประมาท
ควรทานอาหารที่มีคุณค่าในแต่ละวันให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อประโยชน์
สูงสุดต่อระบบการทำงานของร่างกาย

น้ำมันมะกอก แก้นอนกรน


มะกอกจัดเป็นผลไม้ที่มีเม็ดในแข็ง หนึ่งลูกจะมีหนึ่งเมล็ด เป็นพืชที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศ ดอกมะกอกจะออกช่อในช่วงปลายฤดูหนาว มีดอกเล็กๆ สีขาว ผลจะโตเต็มที่ประมาณ 7-8 เดือนหลังออกดอก
ลำต้นจะสูงตั้งแต่ 3 เมตร จนถึง 18 เมตร ใบเรียวยาวสีเขียวเข้ม มีหลากหลายพันธุ์

ตัวผลมีรสขมและฝาด เมื่อแก่จัดสีจะเปลี่ยนจากเขียวจนเป็นสีคล้ำจนเกือบดำ มะกอกเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด ในผลมะกอกที่แก่จัด 100 กรัม ให้น้ำมันถึง 20-30 กรัม การสกัดเอาน้ำมันต้องเลือกผลที่แก่จัด จึงจะได้น้ำมันมะกอกที่มีประสิทธิภาพ

น้ำมันมะกอกถึงแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีข้อดี คือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมในร่างกาย และน้ำมันมะกอกยังช่วยให้คนที่มีอาการนอนกรนลดเสียงกรนให้เบาลงได้ ด้วยการกินน้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหาร ซึ่งควรเลือกแบบ EXTRA VIRGIN OLIVE OIL เพราะ เป็นแบบบริสุทธิ์ มีสีเขียวเข้มใส และนิยมนำมาใช้ในการทำสลัด

กินสัก 4-5 หยดก่อนนอน ทำอย่างต่อเนื่อง
และทำควบคู่ไปกับวิธีดูแลสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมน้ำหนักให้อยู่
ในระดับมาตรฐาน จะช่วยแก้ปัญหานอนกรน
ให้หมดไปได้

ชาเขียว อาจจะส่งเสริมสุขภาพของกระดูก


ชาเขียวนั้นนอกจากช่วยป้องกันโรคหัวใจ และโรคมะเร็งแล้ว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในฮ่องกง ที่ศึกษาจากสารคาเทชิน (catechins) 3 อย่างจากชาเขียว คือ epigallocatechin (EGC), gallocatechin (GC) และ gallate gallocatechin (GCG) พบว่า epigallocatechin (EGC) นั้นสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกได้ถึง 79% และไม่มีอันตรายใดๆ ต่อกระดูก

ดังนั้น ชาเขียวอาจจะช่วยส่งเสริมสุขภาพของกระดูก เช่น ป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน หรือโรคทางกระดูกอื่นๆ ได้ด้วย

ปรุงเนื้อด้วยเครื่องเทศ ป้องกันมะเร็งได้


เนื้อสัตว์ที่ประกอบอาหารด้วยการผ่านความร้อน เช่น อบ ย่าง ต้ม หรือทอด
จะมีสาร Heterocyclic Animes (HCAs) ส่งผลให้ผู้รับประทาน
เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ กระเพาะ ปอด ตับอ่อน เต้านม และต่อมลูกหมาก
มากน้อยแตกต่างกันไปตามลักษณะของการให้ความร้อน

สาร HCAs ลดลงได้ด้วยเครื่องเทศที่ใช้ในการประกอบอาหาร เนื่องจากงานวิจัย
ของ J. Scott Smith ศาสตราจารย์ทางเคมีอาหาร จากมหาวิทยาลัยรัฐแคนซัส
(Kansas) ที่ทำการวิจัยกับเครื่องเทศ 6 ชนิด คือ ยี่หร่า, เมล็ดผักชี, ข่า, กระชาย,
โรสแมรี่ และขมิ้น พบว่ามีระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่ยับยั้ง HCAs ได้สูง
ในกระชาย โรสแมรี่ และขมิ้น และสูงที่สุดในโรสแมรี่

งานวิจัยก่อนหน้านี้ยังระบุด้วยว่า เครื่องเทศไทย และเครื่องเทศอื่นๆ เช่น อบเชย
ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ยับยั้ง HCAs ได้เช่นกัน แต่มีระดับมากน้อยแตกต่างกัน
ตามชนิดของเครื่องเทศ

แม้ว่าการประกอบอาหารเนื้อสัตว์ ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่า 177.78 องศาเซลเซียส
ไม่เกิน 4 นาที จะพบ HCAs น้อยมากหรือไม่พบเลย แต่ในความเป็นจริงการทำ
อาหาร 1 จาน มักใช้เวลามากกว่า 4 นาที ดังนั้น เมื่อต้องประกอบอาหารเนื้อสัตว์
หากต้องการลดความเสี่ยงในการเพิ่ม HCAs ควรใส่เครื่องเทศลงในเมนูทุกครั้ง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดคอนแทคเลนส์


ความสะอาดของคอนแทคเลนส์เป็นสิ่งสำคัญมาก นึกดูว่าเพียงแค่มีเศษผงเล็กๆ
เข้าตา ยังทำให้แสบตาจนน้ำตาไหล แต่คอนแทคเลนส์ต้องสัมผัสติดกับดวงตา โดยตรงเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน หากสะอาดไม่เพียงพอ จะมีผลเสียต่อดวงตา มากมายเพียงใด

การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าใช้วิธีแช่เพียง อย่างเดียวก็ได้ เพราะ ข้อความ No Rub ในคำแนะนำการใช้ข้างกล่อง
คอนแทคเลนส์ ไม่ได้แปลว่าห้ามถู ความจริงแล้วแปลว่า ไม่ต้องถูก็พออนุโลมได้

มีรายงานวิจัยบอกว่า การถูอย่างเดียวลดเชื้อโรคได้ 95% ส่วนเชื้อโรคที่เหลือ
5% น้ำยาแช่สามารถกำจัดได้ นากจากนี้ การถูยังช่วยลดคราบจุลินทรีย์
(Biofilm) ที่เกาะผิวเลนส์ได้ด้วย

ดังนั้น การทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือ ต้องถูด้วยน้ำยา
ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ แล้วจึงแช่เลนส์นั้นในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์

อีกเรื่องที่เข้าใจผิดกันมาก คือ การแช่เลนส์ไว้ในน้ำเกลือช่วยฆ่าเชื้อโรคได้
ความจริงแล้ว น้ำเกลือไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แต่น้ำเกลือจะทำให้เชื้อโรคโตเร็วขึ้น
แทนที่จะฆ่าเชื้อ กลายเป็นเพาะเชื้อตลอด 8-10 ชั่วโมงที่เราไม่ได้ใส่เลนส์

การใช้น้ำเกลือที่ถูกต้อง คือ ใช้น้ำเกลือในการล้างน้ำยาที่ใช้ฟอกถูเลนส์
ในรายที่เซ้นสิทีฟกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือใช้น้ำเหลือในการล้างทิ้ง

หากใช้และดูแลผิดวิธีคอนแทคเลนส์จะเป็นอันตรายต่อดวงตา ก่อนใช้ควร
รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์และศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน หากมีปัญหาควรหยุดใช้
แล้วพบจักษุแพทย์ทันที